โรม (Roma อิตาลีอ่านว่า โรมา; อังกฤษอ่านว่า โรม)

เมืองหลวง แคว้นลาซีโอ ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ในเขตตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2.5 ล้านคน ถ้ารวมเมืองโดยรอบจะมีประมาณ 4.3 ล้านคน

นอกจากนี้ โรมยังเป็นที่ตั้งของ นครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกอีกด้วย โรมมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งเจ็ดริมฝั่ง แม่น้ำไทเบอร์ ตอนกลางของประเทศ โดยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรในอดีตมากมาย เช่น ราชอาณาจักรโรมัน สาธารณรัฐโรมัน และจักรวรรดิโรมัน โรมเคยเป็นเมืองที่มีบทบาทมากที่สุดของอารยธรรมตะวันตก และในอดีตได้เป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันได้เป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลีตั้งแต่ ค.ศ. 1870
 

ตามตำนาน กรุงโรมถูกสร้างขึ้นโดยพี่น้องฝาแฝดชื่อโรมิวลัสกับรีมัส เด็กทารกสองคนนี้โดนทิ้งไว้กลางป่า ต่อมาแม่สุนัขป่าคาบมาเลี้ยงจนโต แล้วช่วยกันสร้างเมืองขึ้น ต่อมาเกิดทะเลาะวิวาทกัน โรมิวลัสเลยฆ่ารีมัสตาย และสร้างเมืองต่อมาตามลำพังจนเสร็จ และขนานนามเมืองนี้ตามชื่อตัวเองว่าโรม

 

สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นที่สุดคงจะเป็นสนามกีฬา (colosseum) สนามกีฬาโรมันเก่าแก่กว่า 2000 ปี สามารถบรรจุผู้ชมได้ถึง 50,000 คน และที่นี่ก็เป็นสถานที่จัดการแข่งขันสำหรับ gladiator ให้นักสู้ หรือเชลยศึก มาสู้กับสัตว์ หรือสัตว์สู้กับสัตว์เอง และนักโทษที่นำมาต่อสู้กับสัตว์ตายเป็นหมื่นๆ คน และสัตว์ป่าที่จับมาจากทวีปแอฟริกาและเอเชียตายจนนับไม่ถ้วน

หลังจากที่โรมันเสื่อมอำนาจลง คอลอสเซียมก็กลายเป็นแหล่งหินชั้นดีที่ผู้ปกครองเมืองในยุคต่อมาจะนำไปสร้าง โบสถ์ สร้างปราสาท จนค่อยๆ แหว่งไปเรื่อยๆ อย่างที่เห็นในรูป จนตอนหลังพระสันตปาปาองค์หนึ่งมีคำสั่งห้ามนำหินจากคอลอสเซียมไปก่อสร้างอีก ต่อไป จึงมีโคลอสเซียมให้เราชมกันจนทุกวันนี้ ภายในมีการจัดพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับความเป็นมาให้ศึกษาด้วย

 

 

ใกล้ ๆ กับคอลอสเซียม จะเจอประตูชัย (arch) พวกโรมันนิยมสร้างประตูชัยเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะ  ชนะทีก็สร้างที ที่เห็นอย่างน้อยๆ ก็มี 3 ประตู  ประตูนี้อยู่ในสภาพดีที่สุด มีชื่อว่า Arch of Constantine สร้างโดยจักรพรรดิคอนสแตนติน ผู้ที่ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งปัจจุบันคือเมืองอิสตันบุลในประเทศตุรกี

 

บริเวณคอลอสเซียมเป็นเขตเมืองเก่ายุคโรมัน เรียกว่าโรมันฟอรัม (Roman forum) ตรงจุดนี้เป็นเป็นศูนย์กลางทุกด้านของกรุงโรมโบราณ เป็นที่รวมของเหล่านักปราชญ์ผู้วางรากฐานประชาธิปไตยให้โลกจนปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางการประชุมทางการเมือง การปกครอง มีโบสถ์วิหารสำหรับบูชาเทพเจ้าของโรมัน มีตลาดร้านค้า อาคารที่สำคัญต่างๆ มากมาย ปัจจุบันส่วนใหญ่เหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่ก็ยังเห็นเค้าลางของความยิ่งใหญ่

 

 

 คาปิโตลิเนฮิลล์ (Capitoline Hill)  บนยอดเนินนั้นทำเป็นจัตุรัสซึ่งได้รับการออกแบบโดยมิเคลันเจโล ประกอบไปด้วยอาคารที่สำคัญของรัฐบาล พิพิธภัณฑ์ และอนุสาวรีย์ต่างๆ ทางขึ้นด้านที่ติดถนน ทำเป็นทางลาดขึ้น เวลาเดินขึ้นแทบจะไม่รู้สึกถึงความชันเลย (ผิดกับด้านหลังที่เป็นบันไดสูงชัน เดินขึ้นเหนื่อยทีเดียว)  ตรงสุดปลายบันไดเป็นรูปปั้นชายหนุ่มเปลือยเปล่า 2 คนคือคู่ฝาแฝด Pollux และ Castor ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราศีเมถุน (คนคู่)  จตุรัสบนเนินเขาลูกนี้ได้รับการยกย่องว่ามีความงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในโรม
 

 

น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain) มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งในโรม ตรงกลางด้านหน้าเป็นรูปปั้นหินอ่อนของเนปจูน เทพเจ้าแห่งน้ำของชาวโรมันโบราณ ใครมาเมืองนี้ก็ต้องไปโยนเหรียญที่น้ำพุแห่งนี้เพื่อให้ได้กลับมาอีกครั้ง เคล็ดลับในการโยนคือให้หันหลังให้น้ำพุ ถือเหรียญด้วยมือขวา แล้วโยนข้ามไหล่ซ้าย เขาว่ากันว่าถ้าโยนลง 2 ครั้งจะได้แฟนเป็นชาวอิตาลี ใครอยากได้หนุ่มหรือสาวอัซซูรี่เป็นแฟนก็หาโอกาสไปโยนเหรียญที่น้ำพุแห่งนี้ได้คะ


จัตุรัสนาโวนา (Piazza Navona) เป็นศูนย์รวมของสารพัดสิ่ง ทั้งร้านอาหาร นักดนตรี นักมายากลข้างถนน ศิลปินวาดรูปเหมือน และที่สำคัญคือนักท่องเที่ยว เดิมทีที่ตรงนี้เป็นสนามกีฬาของพวกโรมันเอาไว้แข่งม้า ถนนที่อยู่รอบๆ คือลู่วิ่งของม้า บริเวณนี้มีน้ำพุที่สำคัญ 3 อันผลงานของศิลปินนักแกะสลักชื่อดัง แบร์นินี (Gian Lorenzo Bernini, 1595-1680) ตรงกลางลานจะเห็นเสาโอบิลิสก์ (obelisk)  รอบๆ เสาจะเป็นน้ำพุแห่งสี่มหานที (Fountain of the Four Rivers) ซึ่งแต่ละมุมจะมีรูปปั้นซึ่งแทนแม่น้ำใหญ่จาก 4 ทวีป ได้แก่ คงคา ดานูป ไนล์ และ พลาต้า โบสถ์ที่เห็นตรงกลางเป็นผลงานของคู่แ่ข่งคนสำคัญของแบร์นินี คือบอร์โรมินี (Francesco Borromini, 1599-1667) ตั้งประชันกันอยู่กับน้ำพุของเขา

 

 

 

 บันไดสเปน (Spanish steps)

อนุสาวรีย์นี้เป็น landmark สำคัญอันหนึ่งของโรมที่คนโรมเกลียดมาก ตั้งฉายาให้ว่าเครื่องพิมพ์ดีด  เดิมทีสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการรวมประเทศ จึงมีชื่อเรียกว่า Monument to Vittorio Emanuele II ปัจจุบันใข้เป็นอนุสรณ์สถานสำหรับทหารนิรนามที่เสียชีวิตในสงคราม ห้ามนั่งเด็ดขาดภายในบริเวณ

วิหารแพนทีออน (Pantheon) เป็นอาคารขนาดใหญ่มหึมา สร้างในสมัยโรมันเมื่อ 2 พันกว่าปีมาแล้ว และถือว่าเป็นอาคารในยุคโรมันที่มีสภาพสมบูรณ์ดีที่สุด และจัดว่าเป็นการออกแบบการสร้างหลังคาคุ่มโดยการเรียงศิลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการใช้เทคนิคการเปิดช่องตรงกลางเพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาถึง  ปัจจุบันใช้เป็นโบสถ์ในคริสตศาสนา ข้างในมีหลุมศพของกษัตริย์ผู้ที่เคยปกครองอิตาลีในยุครวมชาติ คือ กษัตริย์วิกเตอร์ เอมมานูเอลที่ 2 และกษัตริย์อุมแบร์โต้ที่ 1 ส่วนหลุมที่สามเป็นของศิลปินจิตรกรเรื่องนาม ราฟาเอล (Raphael)