เวนิส Venice หรือ Venezia เวเนเซีย ในภาษาอิตาลี
เป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges), และ เมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)
เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณ ทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริก(Adriatic Sea)ในภาคเหนือของ ประเทศอิตาลี ทะเลสาบน้ำเค็มนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปากแม่น้ำโปกับแม่น้ำพลาวิ มีผู้อยู่อาศัยโดยประมาณ 272,000 คน ซึ่งนับรวมหมดทั้งเวนิส โดยมี 62,000 คนในบริเวณเมืองเก่า 176,000 คนในเทอร์ราเฟอร์มา (Terraferma) และ 31,000 คนในเกาะอื่นๆ ในทะเลสาบ

มีถนนและรางรถไฟจากแผ่นดินใหญ่ไปถึงสถานีที่จอดรถหน้าเกาะ ในเมืองไม่มีถนนให้รถวิ่ง ผู้คนสัญจรโดยทางน้ำหรือเดินเท่านั้น เวนิสประกอบด้วยเกาะเล็กๆ ประกอบกันขึ้นเป็นลากูน (lagoon) ระหว่างเกาะต่างๆ เขาทำสะพานเชื่อมถึงกันจนเสมือนรูปปลาที่อยู่กลางน้ำเลยแหละ
คลองใหญ่ที่ผ่ากลางเมืองเวนิสเรียกว่า Grand Canal หรือเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า "คานาเล่ แกรนเด้" มีบริการเรือเมล์ วิ่งตลอดคลองนี้ หลายอัตราตั้งแต่เที่ยวเดี่ยว เริ่มที่ 6 ยูโร 12 ชม. 24 ชม. 48 ชม. และ 72 ชม. ด้วย เบญใช้บริการตั๋ว 12 ชั่วโมง ราคา 13 ยูโร เพื่อช่วยในการเดินเท้ารอบเมืองด้วย
ใครพาแฟนไปก็อาจจะนั่งเรือกอนโดลาที่สุดแสนจะโรแมนติก ราคาเดียวกัน 1 ชั่วโมง 90 ยูโร
จะนั่ง 6 คนแล้วหารกัน หรือจะนั่งจู๋จี๋กับแฟนสองต่อสองแล้วให้ฝ่ายชายจ่ายก็ได้ หุหุ



สะพานที่สวยที่สุดและโด่งดังที่สุดชื่อสะพานรีอัลโต้ (Ponte di Rialto) สองข้างทางขึ้นเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกน่าซื้อเต็มไปหมด มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไว้นั่งเล่นชมวิว ของทุกอย่างในเวนิสแพงอยู่แล้ว

มหาวิหารและจตุรัสซานมาร์โก้ (San Marco) ที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นอาคารที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ อาหรับ โรมันเนสก์ เรอเนซองซ์ เข้าไว้ด้วยกัน มียอดโดมแบบอาหรับ ในมหาวิหารนี้เชื่อว่าบรรจุศพของเซนต์มาร์ก (หรือที่ชาวแคทอลิกในเมืองไทยรู้จักในนามว่ามาระโกผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับพันธสัญญาใหม่บทที่ 3) ที่ (เชื่อกันอีกว่า) ชาวเวนิสไปโขมยมาจากเมืองอเลกซานเดรีย ประเทศอียิปต์
ราวเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีเทศกาลคาร์นิวัล หรือเทศกาลสวมหน้ากาก นักท่องเที่ยวจะเห็นหน้ากากขายเป็นของที่ระลึกเต็มไปหมด ถึงไม่ใช่หน้าเทศกาลก็จะมีคนแต่งตัวแบบนี้มารอถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว เพื่อหารายได้ และภาพสุดท้ายคือร้านขายของหวาน